Before the Legendary sneaker “Nike Air Force 1”

ก่อนจะกลายมาเป็น Nike Air Force 1 โมเดลสนีกเกอร์สร้างตำนานที่ยาวนานถึง 40 ปี

10/09/2022

...

ท่ามกลางตลาดรองเท้าสนีกเกอร์ที่ขยายใหญ่และเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะผู้คนทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย หรือ LGBTQ ต่างก็หันมาสนใจในเรื่องแฟชั่นและเครื่องแต่งกายกันมากขึ้น จึงทำให้ยุคนี้มีโมเดลรองเท้าจากหลากหลายแบรนด์ให้เลือกซื้อกันเป็นจำนวนมาก เพื่อตอบสนองความต้องการและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์จากรองเท้าผ้าใบคู่โปรดของพวกเขา

แต่จะมีอยู่ไม่กี่โมเดลเท่านั้นที่ได้สร้างตำนานไว้ให้กับวงการสนีกเกอร์ เพราะไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยก็สามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนออกมาได้อย่างชัดเจน ซึ่งมีหลายคนสามารถรับรู้ได้ทันทีว่ารองเท้าผ้าใบที่กำลังมองอยู่เป็นของแบรนด์อะไร จากโมเดลรุ่นไหน และหนึ่งในโมเดลที่ว่ามานี้ที่เราอยากหยิบมาพูดถึงก็คือ “Air Force 1 (AF-1)” จาก Nike นั่นเอง สำหรับใครที่อยากรู้ประวัติความเป็นมาของรองเท้าคู่นี้ วันนี้ SASOM จัดมาให้แล้ว ลองมาอ่านดูกันเลย

...
ครั้งแรกที่โลกได้รู้จักกับ Nike Air Force 1

Nike Air Force 1 ถูกผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 1982 หรือเมื่อประมาณ 40 ปีก่อน อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นรองเท้าบาสเกตบอลคู่แรกที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์มากความสามารถ ผู้คุมบังเหียนค่าย Swoosh ณ ห้วงเวลานั้น อย่าง Bruce Kilgore และดีไซน์แรกของ AF-1 ที่ได้เปิดตัวสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกนั้นมาในรูปแบบของ High-Top ที่บน Upper ใช้วัสดุหนังสีขาวยาวหุ้มข้อ มีแถบคาดด้านบนสุดเป็นวัสดุผ้าที่ใช้โทนสีเดียวกัน พร้อมโลโก้ Swoosh สี Neutral Gray ที่มีขนาดใหญ่และโดดเด่นเป็นสง่าประดับอยู่ด้านข้างของรองเท้า

สำหรับชื่อรุ่นของรองเท้านั้นได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องบิน Air Force 1 ที่ถูกใช้เป็นเครื่องบินประจำตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ส่วนคำว่า “AIR” นอกจากจะเป็นรหัสของเครื่องบินแล้ว ยังสื่อถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ผลิตรองเท้าโมเดลนี้ ซึ่งนั่นก็คือ เทคโนโลยี AIR ที่จะช่วยเพิ่มความนุ่มสบายและรองรับน้ำหนักของนักกีฬาบาสเกตบอลได้อย่างเหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้น รองเท้าผ้าใบคู่นี้ยังเปิดตัวมาพร้อมกับนักกีฬาบาสเกตบอลจาก NBA ทั้งหมด 6 คน จนกลายเป็นจุดสนใจและเป็นกระแสนิยมในยุคนั้นเป็นอย่างมาก หรืออาจเรียกได้ว่าฮือฮาสะเทือนทั้งวงการรองเท้าผ้าใบผู้ชายสมัยนั้นเลยก็ว่าได้

...
หายหน้าห่างตาไปบ้าง แต่ฆ่าไม่ตาย

หลังจากกลายเป็น Talk of The Trends พักใหญ่ แม้ในเวลาต่อมา Nike จะถือโอกาสปล่อย AF-1 ออกมาให้สนีกเกอร์เฮดได้เลือกสรรถึง 2 แบบ คือ Low และ High แต่ก็ไม่อาจต้านทนกระแสความชื่นชอบจากสาวก AF-1 ได้ ไนกี้จึงตัดสินใจผลิตและวางจำหน่ายโมเดล Mid ออกมาในปี 1994 ซึ่งมีกิมมิคพิเศษตรงแถบรัดที่สามารถป้องกันอาการบาดเจ็บข้อเท้าได้ โดยแถบรัดนี้ใช้ชื่อว่า “Proprioceptus Belt” แต่เรื่องที่ไม่คาดฝัน ก็เกิดขึ้น เมื่อ Nike ตัดสินใจหยุดผลิตรองเท้าโมเดลนี้ หลังเปิดตัวได้เพียงแค่ 1 ปี เรียกได้ว่าสาวกรองเท้ารุ่นนี้ถึงกับต้องหลั่งน้ำตาไปตามๆ กัน

สำหรับชื่อรุ่นของรองเท้านั้นได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องบิน Air Force 1 ที่ถูกใช้เป็นเครื่องบินประจำตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ส่วนคำว่า “AIR” นอกจากจะเป็นรหัสของเครื่องบินแล้ว ยังสื่อถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ผลิตรองเท้าโมเดลนี้ ซึ่งนั่นก็คือ เทคโนโลยี AIR ที่จะช่วยเพิ่มความนุ่มสบายและรองรับน้ำหนักของนักกีฬาบาสเกตบอลได้อย่างเหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้น รองเท้าผ้าใบคู่นี้ยังเปิดตัวมาพร้อมกับนักกีฬาบาสเกตบอลจาก NBA ทั้งหมด 6 คน จนกลายเป็นจุดสนใจและเป็นกระแสนิยมในยุคนั้นเป็นอย่างมาก หรืออาจเรียกได้ว่าฮือฮาสะเทือนทั้งวงการรองเท้าผ้าใบผู้ชายสมัยนั้นเลยก็ว่าได้

และนอกจากผู้คนในแวดวงกีฬาที่เลือกสวมใส่ AF-1 แล้ว รองเท้าโมเดลนี้ยังโดนใจและเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายต่อผู้คนในวงการดนตรีฮิปฮอปอีกด้วย เพราะมีศิลปินฝั่ง East Coast หลายคนเลือกมาสวมใส่และกลายเป็นเทรนด์แฟชั่น AF-1 จนแฟนๆ หรือศิลปินฮิปฮอปจากทั่วโลกต้องหาซื้อมาไว้ครอบครองสักคู่

...
ทวงบัลลังก์ด้วยยอดขายถล่มทลาย

ความนิยมของ AF-1 มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเกิดสถิติยอดขายสูงสุดในช่วงปี 2005-2006 เพราะมียอดขายมากกว่า 22 ล้านคู่ทั่วโลก ส่วนสีที่ขายดีที่สุด ก็คงไม่พ้นสีขาวล้วน หรือ All-White นั่นเอง แต่ถึงกระนั้น Nike ก็ไม่หยุดอยู่แค่สีเดียวเท่านั้น เพราะในเวลาต่อมา ทางแบรนด์ได้ตัดสินใจผลิตสีอื่นๆ ออกมามากกว่า 2,000 โทนสี และแน่นอนว่าผู้คนยังคงหลงใหลและคลั่งไคล้กับดีไซน์ของ AF-1 ไม่ว่าจะมาในโทนสีไหนก็ตาม

รวมถึงยังได้วางขายสนีกเกอร์ AF-1 รุ่นใหม่อย่าง Air Force 1 ‘07 ในปี 2007 ที่ยังคงความ OG ไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยรุ่นนี้ยังคงใช้วัสดุในการผลิตและมีความหนาของรองเท้าที่เหมือนกับ AF-1 แต่พัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจุดสังเกตที่เห็นได้ชัดที่สุด นั่นคือ เครื่องประดับบริเวณเชือกรองเท้าหรือที่เรียกว่า Deubré อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วลักษณะทั่วไปชองทั้งสองรุ่นนั้น ก็ไม่ได้แตกต่างกันอย่างชัดเจน

ต่อมาในช่วงปี 2010 เป็นต้นไป จะเห็นได้ว่า Air Force 1 เป็นหนึ่งในโมเดลรองเท้าที่มักนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการผลิตรองเท้า เพื่อพัฒนารองเท้าให้เกิดความแปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น Flyknit, Foam Posite, Hyperfuse และ Liquid Metal อีกทั้งยังขยันออกรุ่นคอลแลปกับแบรนด์ Hi-End หรือกับนักร้องศิลปินระดับโลก เช่น Virgil Abloh’s Louis Vuitton x Air Force 1 Low, Off-White x Air Force 1 Mid Footwear Pack, Billie Eilish x Air Force 1 High Mushroom เป็นต้น

สรุป

สุดท้ายนี้ ไม่ว่ารองเท้าคู่นี้จะถูกดีไซน์ออกมาในรูปแบบไหน เอกลักษณ์และเสน่ห์ของ AF-1 ก็ยังคงอยู่และบ่งบอกความเป็นตัวเองได้ดี นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ AF-1 เป็น Timeless Item  ที่ฆ่ายังไงก็ไม่ตาย แถมนับวันจะยิ่งถูกจดจำและประทับอยู่ในใจของเหล่าสนีกเกอร์เฮดทั่วโลกในฐานะ “รองเท้าที่ทรงอิทธิพลในวงการ street wear” ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอยากมี AF-1 หรือ AF-1 ‘07 ไว้ติดบ้านสักคู่สองคู่ ก็สามารถแตกแบงค์กับเราได้ที่ SASOM เพราะเรามีทุกรุ่นที่คุณต้องการ