Exploring the High-Value Resale Market for Luxury Goods
สำรวจตลาดรีเซลกระเป๋าแบรนด์เนมปี 2024

เมื่อพูดถึงกระเป๋าแบรนด์เนมหลายคนอาจนึกถึงภาพของความหรูหรา ดีไซน์เหนือระดับ และความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน แต่สิ่งที่ทำให้สินค้าเหล่านี้มีเสน่ห์ยิ่งกว่านั้นคือการที่สามารถรักษามูลค่าไว้แม้เวลาผ่านไปได้อย่างน่าทึ่งใน “ตลาดรีเซล” (Resale Market) แถมบางรุ่นยังมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็น Must have item สำหรับนักสะสมและแฟชั่นนิสต้าทั่วโลก ซึ่งในขณะนี้ตลาดรีเซลของการซื้อขายกระเป๋าแบรนด์เนมหรือสินค้าลักชัวรีกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุคที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจกับสินค้าคุณภาพสูงและมีมูลค่าระยะยาว รวมถึงยังเป็นการลงทุนที่เต็มไปด้วยความคุ้มค่า และบทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงปัจจัยที่ทำให้ตลาดรีเซลกลายเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยโอกาสสำหรับทั้งผู้ซื้อและผู้ขายกระเป๋าแบรนด์เนม พร้อมไขความลับว่าอะไรที่ทำให้กระเป๋าบางรุ่นกลายเป็นสินค้าสุดไฮป์และเป็นที่ต้องการอย่างมากในหมู่นักสะสม

Resale Market for Luxury 2024
ตลาดรีเซลสินค้าแบรนด์เนมในประเทศไทยปี 2024 กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้า “กระเป๋าแบรนด์เนม” มือสองที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากมูลค่าหลักพันล้านบาทในอดีต ปัจจุบันตลาดนี้ได้ขยายตัวสู่ระดับหลายหมื่นล้านบาท ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตนี้มาจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ความนิยมในสินค้าที่รักษามูลค่าได้ในระยะยาว ราคาเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เนื่องจากการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของสินค้าระดับไฮเอนด์ได้ในราคาที่ประหยัดกว่า และยังได้รับประสบการณ์การใช้สินค้าคุณภาพสูงที่ไม่ต่างจากของใหม่ นอกจากนั้นสินค้าแบรนด์เนมยังสะท้อนถึงสถานะและความสำเร็จในสายตาของผู้บริโภคชาวไทย เพราะกระเป๋าแบรนด์เนมเป็นสินค้าที่สามารถเสริมภาพลักษณ์และความมั่นใจในตนเองได้ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มีข้อมูลจาก Nielsen Consumer & Media View (CMV) ว่ามีการลงทุนในโฆษณาสินค้าแบรนด์เนมเพิ่มขึ้นถึง 124% ในปีที่ผ่านมา ดังนั้นตลาดรีเซลสินค้าแบรนด์เนมในไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อไป ทั้งในแง่การลงทุนและการเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมแฟชั่นที่ยั่งยืน

ความนิยมและปัจจัยที่ผลักดันตลาดรีเซล
ตลาดรีเซลสินค้าแบรนด์เนมได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตนี้หลายประการ ประการแรกคือ “การขยายตัวของพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่” ซึ่งให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและการบริโภคอย่างยั่งยืน ผู้คนเริ่มมองว่าการซื้อสินค้ามือสองอย่างกระเป๋าแบรนด์เนมเป็นทางเลือกที่ดี ไม่เพียงช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังสร้างโอกาสในการเป็นเจ้าของสินค้าคุณภาพสูง โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่กลายเป็นผู้บริโภคหลักของตลาดลักชัวรี และสนใจการซื้อสินค้าที่สะท้อนตัวตนและสถานะทางสังคม และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ตลาดรีเซลเติบโต คือ “การขยายตัวของแพลตฟอร์มออนไลน์” ที่ทำให้การซื้อขายขายกระเป๋าแบรนด์เนมสะดวกสบายเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเฉพาะทางอย่าง Vestiaire Collective, The RealReal, ThredUp หรือ SASOM(สะสม) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ซื้อขายสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำในไทย รวมถึงการโปรโมตผ่านโซเชียลมีเดียผ่านเหล่าอินฟลูเอนเซอร์และเซเลบริตี้ที่มักโชว์ไอเทมแบรนด์ดังในชีวิตประจำวัน สิ่งนี้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้บริโภคมองหาสินค้าที่สามารถเสริมภาพลักษณ์และความมั่นใจให้ตนเอวเช่นเดียวกัน

สินค้าแบรนด์เนมยังคงมูลค่าแม้ขายต่อ
หนึ่งในเหตุผลที่กระเป๋าแบรนด์เนมและสินค้าแฟชั่น Luxury อื่นๆ ยังคงมีมูลค่าสูงในตลาดรีเซล คือ “คุณภาพและงานฝีมือ” สินค้าจากแบรนด์หรูชั้นนำมักถูกสร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน ด้วยวัสดุที่มีคุณภาพ โดย วัสดุเหล่านี้ไม่ได้ถูกเลือกเพียงเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังต้องผ่านมาตรฐานที่เข้มงวดในทุกมิติ ตั้งแต่คัดเลือกแหล่งที่มาของวัสดุที่เชื่อถือได้เช่น หนัง ผ้า มาจากแหล่งที่มีชื่อเสียงและได้รับการรับรอง พร้อมช่างฝีมือผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านสะท้อนถึงคุณภาพและมาตรฐานที่สูงลิ่ว เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าแต่ละชิ้นสมบูรณ์แบบ การเย็บตะเข็บด้วยมือ (saddle stitch) ซึ่งเป็นเทคนิคที่คิดค้นขึ้นมาเฉพาะที่ต้องใช้ความแม่นยำและประสบการณ์สูง เพื่อให้ตะเข็บมีความแข็งแรงและสวยงามในแบบที่เครื่องจักรไม่สามารถเลียนแบบได้ ยิ่งไปกว่านั้นการออกแบบที่มีคุณภาพที่ดีเหนือระดับทำให้สินค้าเหล่านี้ใช้งานได้คงทน ยาวนาน และเป็นตำนานควรค่าแก่การซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมเก็บไว้สะสมนั่นเอง

สินค้าหรูที่นิยมในหมู่นักสะสม
กระเป๋าแบรนด์เนมบางรุ่นกลายเป็นไอเทมที่ต้องอย่างมากในหมู่นักสะสมเนื่องจากเป็น “สินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว” ทำให้กลุ่มผู้ซื้อในปัจจุบันมองว่าสินค้าประเภทนี้เป็นการลงทุนที่จับต้องได้เช่น กระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นยอดนิยมอย่าง Hermès Birkin ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ซึ่งราคาขายต่อของ Hermès Birkin ในตลาดรีเซลเพิ่มขึ้นทุกปีเฉลี่ยปีละ 1.5-10% ขึ้นอยู่กับวัสดุและความหายากของแต่ละใบ ทำให้การเป็นเจ้าของสินค้ากระเป๋าแบรนด์เนมไม่ได้เพียงเพื่อความสวยงาม แต่ยังเป็นการลงทุนที่สร้างผลกำไรได้ในระยะยาว นอกจากนี้การเพิ่มมูลค่าของกระเป๋าแบรนด์เนมยังได้รับแรงสนับสนุนจากกลยุทธ์ของแบรนด์ เช่น การผลิตสินค้าที่มีจำนวนจำกัด การออกคอลเลกชันพิเศษ (Limited Edition) และการขึ้นราคาสินค้าปีละหลายครั้ง เช่น Chanel ที่มีการปรับราคากระเป๋ารุ่นไอคอนิกอย่าง Chanel Classic Flap และอื่นๆ เฉลี่ยปีละ 5-10% ช่วยสร้างโอกาสให้การซื้อขายกระเป๋าแบรนด์เนมเป็นที่ต้องการในตลาดรีเซลมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง
สรุป
ตลาดรีเซลสินค้าแบรนด์เนมได้กลายเป็นพื้นที่ที่ผสมผสานระหว่างแฟชั่นและการลงทุนอย่างน่าทึ่ง สินค้าลักชัวรีอย่างกระเป๋าแบรนด์เนม Hermès Birkin หรือ Chanel Classic Flap ไม่เพียงตอบโจทย์ด้านความสวยงาม แต่ยังเป็น "สินทรัพย์" ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป หากคุณสนใจอยากซื้อขายกระเป๋าแบรนด์เนม หรือสินค้า Luxury ต่างๆ สามารถเข้ามาดูเพิ่มเติมได้แล้ววันที่แอปพลิเคชัน SASOM แพลตฟอร์มตัวกลางในการซื้อขายสินค้าแบรนด์เนม และมอบความสะดวกสบายอย่างครบครันเป็นแก่ผู้ซื้อขาย เป็นโซลูชันที่เกิดมาเพื่อนักช้อปและนักสะสมรุ่นใหม่ สะดวก ปลอดภัย! ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ ก่อนส่งถึงมือลูกค้าทุกครั้ง
บทความแนะนำ