Uncovering the Mystery: 4 Things You Might Not Know About Nike's Reverse Swoosh

กลับด้านมากว่า 28 ปีแล้ว! 4 เรื่องที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับ Reverse Swoosh

22/04/2023

...

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าถ้ากล่าวถึงรองเท้า Nike ภาพในหัวที่เราเห็นก็มักจะไม่แตกต่างกัน รองเท้าผ้าใบ มีเชือก ประดับด้วย Swoosh โลโก้คล้ายเครื่องหมายติ้กถูกลากยาวตั้งแต่กลางรองเท้าไปจนถึงตอนท้าย… แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่เราจะเห็น Swoosh เป็นไปตามแนวรองเท้าตลอดเวลา เพราะหลายต่อหลายรุ่น Swoosh ก็กลับด้านไป ซึ่งบางครั้งก็อาจจะเกิดจากความผิดพลาด และบางครั้งก็เกิดจากความตั้งใจจนทำให้กลายเป็นเอกลักษณ์ของหลายๆ รุ่นเลยทีเดียว วันนี้เลยขอจะพาทุกคนมาดูเรื่องราวลึกลับในโลกสนีกเกอร์เกี่ยวกับ Reverse Swoosh รองเท้าสักหน่อย บอกเลยว่าแต่ละเรื่องคือพีคไม่ไหว บางคนอาจรู้แล้ว และบางคนก็อาจจะยังไม่รู้ แต่ตอนนี้ไปดูกันก่อนเลย

...
Swoosh และ Reverse Swoosh

อย่างที่เรารู้กันดีว่าโลโก้ Swoosh ของรองเท้าไนกี้นั้นได้แรงบันดาลใจมาจาก “ไนกี้” ผู้เป็นเทพีแห่งชัยชนะของกรีก ออกแบบโดย Carolyn Davidson ในปี 1971 ซึ่งมีความเรียบง่าย แต่สามารถเข้าถึงผู้คนได้ทุกช่วงวัย แต่ในทิศทางตรงกันข้าม แล้วแรงบันดาลใจของ Reverse Swoosh นั้นคืออะไร? ต้องบอกเลยว่าโลโก้ Reverse Swoosh นั้นเป็นเหมือนเรื่องลึกลับอีกหนึ่งสิ่งในวงการรองเท้า เพราะบางคนก็เล่ากันว่า Nike ต้องการสร้างความแปลกใหม่ให้กับตัวแบรนด์ด้วยการใช้เทคนิคอย่าง Flipping the Script (หรือที่เรียกกันตลกๆ ว่า มองมุมกลับ ปรับมุมมองนั่นแหละ!) โดยนำ Swoosh ที่ทุกคนต่างรู้จักกันดี เอามากลับหัว กลับหาง กลับด้าน เท่านี้ก็สร้างแรงดึงดูดใจให้ผู้คนรู้สึกว้าวได้แล้ว!

นอกจากนี้ ในด้านของความหมายของ Reverse Swoosh ก็ยังคงคลุมเครือไม่ต่างจากแรงบันดาลใจ ผู้คนทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ชาว Nike Thailand ต่างก็พากันคาดเดาว่าการที่ Nike นำ Swoosh มากลับด้านนั้นต้องการจะสื่อถึงเครื่องหมาย Checkmark และประโยคเด็ดของแบรนด์อย่าง Just Do It อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็เป็นเพียงแค่การเดาเท่านั้น ยังไม่ได้รับการยืนยันจากทาง Nike อย่างเป็นทางการ ความหมายที่แท้จริงของ Reverse Swoosh ก็ยังคงเป็นปริศนาต่อไป…

...
รุ่นบุกเบิก Reverse Swoosh ที่แท้จริง

ในปัจจุบันนี้ ถ้าตั้งคำถามขึ้นมากับชาว Nike Thailand ว่า “รุ่นไหนคือรุ่นแรกที่ Swoosh กลับด้าน?” หลายคนต้องตอบว่าก็ต้องเป็น Air Jordan x Travis Scott ซึ่งบอกเลยว่าเป็นคำตอบที่ผิด!! เพราะต้นตำรับของการนำ Reverse Swoosh มาใช้นั้นต้องย้อนไปถึงปี 1994 กับรองเท้าผ้าใบสายบาสอย่างรุ่น NIKE AIR DARWIN ซึ่งถูกดีไซน์โดย Dennis Rodman นักบาสเกตบอลระดับพระกาฬจากลีค NBA หน้าตาของโลโก้ Swoosh ก็อาจจะไม่ได้เป็นดังที่เรานึกสักเท่าไหร่ โดยจะเป็นตัวรองเท้าบาสทรงข้อสูงเพื่อรองรับข้อเท้าเวลาเล่นบาสเก็ตบอล โลโก้จะไม่ได้อยู่บน Upper ด้านข้างอย่างที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ แต่จะถูกย้ายมาบริเวณข้อเท้า อย่างไรก็ตาม แม้รองเท้ารุ่นนี้จะถูกออกแบบมาเพื่อให้ Dennis Rodman แต่ก็ยังไม่ได้ถือว่าเป็นซิกเนเจอร์ที่หลายคนจะจำได้ว่าเจ้านี่คือผู้บุกเบิก Reverse Swoosh ที่แท้จริง เพราะด้วยกระแสที่ซบเซาตั้งแต่รุ่นนั้นจนถึงตอนนี้ ผนวกกับกระแส Reverse Swoosh จากรุ่น Air Jordan x Travis Scott จึงทำให้รองเท้าผ้าใบคู่นี้ค่อยๆ ถูกเลือนหายไปตามกาลเวลา

ดาวเด่นแห่ง Reverse Swoosh

เชื่อว่าแค่เอ่ยชื่อรุ่นรองเท้ามา ก็พอที่จะทำให้ทุกคนร้อง ซี๊ด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราคาและดีไซน์ นั่นก็คือ Air Jordan x Travis Scott ที่ศิลปินชื่อดังข้างต้นหยิบเอกลักษณ์สำคัญที่ถูกลืมเลือนไปอย่าง Reverse Swoosh กลับมาใช้ในโมเดลรองเท้าผ้าใบที่ตนร่วมออกแบบกับ Nike โดยรุ่นแรกที่สร้างชื่อเสียงและกลายเป็นที่ฮือฮาทั่ววงการสนีกเกอร์ในชั่วข้ามคืนของปี 2019 นั่นก็คือ Jordan 1 Retro High Travis Scott และ Jordan 1 Retro Low OG SP Travis Scott ที่มาในเฉดสีน้ำตาลโดนใจ พร้อมกับ Swoosh กลับด้านในสไตล์ที่แสนจะเบสิคแต่กลับเฉียบคมบาดใจได้อย่างเหลือล้น และแน่นอนว่านับแต่นั้นมา เอกลักษณ์ของ Reverse Swoosh ก็ไม่ล้มหายไปจากรองเท้าผ้าใบรุ่น Air Jordan x Travis Scott ไม่ว่าจะออกมาใหม่แค่ไหน เฉดสีแปลกใหม่แหวกแนวแค่ไหน แต่ทุกรุ่นต้องมาพร้อมกับ Swoosh กลับด้านอย่างแน่นอน

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ Travis Scott หยิบเอกลักษณ์ตรงนี้มา แน่นอนว่าก็ไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน แต่บรรดาสนีกเกอร์เฮดและผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่นต่างให้ความเห็นว่า “เขาต้องการสร้าง Visual Impact ของรองเท้าด้วยความแปลกใหม่แหวกแนวให้เหมือนกับไลฟ์สไตล์ของเขา และก็ไม่อยากให้มีอะไรซ้ำๆ เดิมๆ เหมือนกับรุ่นที่มีอยู่แล้ว การเอา Swoosh มากลับด้านไม่ใช่แค่เพียงสร้างความเท่ ความคูลเท่านั้น หากแต่ยังเชื่อมโยงกับเรื่องราวของโลโก้ Nike ด้วย”

ความผิดพลาดราคาแพง

แน่นอนว่าการกลับด้านของ Swoosh หลายต่อหลายครั้งย่อมเกิดจากความตั้งใจ แต่ในบางครั้งบางคราว ก็เกิดจากความผิดพลาดเช่นเดียวกัน นั่นก็คือ “ตำหนิจากโรงงาน” ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในฝันร้ายสุดสยองขวัญสำหรับชาวสนีกเกอร์เฮดเลยทีเดียว แต่คงไม่ใช่ในกรณีของบุคคลนี้ที่บังเอิญฝันดี ฝันดีหรือฝันร้าย ดันซื้อ Jordan 1 Retro Reverse Shattered Backboard ไซส์ US7 แล้วดันได้ Air Jordan 1 “Reverse Shattered Backboard” แบบที่ Swoosh ของรองเท้านั้นกลับตาลปัตรไปอีกด้าน พร้อมกับเอียง กะเท่เร่ แต่แน่นอนว่าฝันร้ายย่อมกลายเป็นดีเสมอเมื่อเอารองเท้าไปขายต่อ ไม่เพียงแต่การเป็นไวรัลทั่วโลกอินเตอร์เน็ตเท่านั้น แต่เงินที่คนยอมเปย์เพื่อรองเท้าคู่นี้ก็ย่อมสะพัดด้วย โดยราคารองเท้าคู่นี้พุ่งไปสูงกว่า 125,000 ยูโร หรือราวๆ 4,766,224 บาท หรืออาจะเรียกได้ว่าสูงกว่าราคาป้ายถึง 900 เลยเท่าเลยทีเดียวเลย เรียกได้ว่าความผิดพลาดครั้งนี้ราคาแพงสุดๆ คนที่ได้ไปจากฝันร้ายกลายเป็นฝันดีซะแล้วแหละ!

สรุป

การปรากฏตัวของ Reverse Swoosh ในวงการรองเท้าแน่นอนว่า แม้จะยังไม่แน่ชัดในเรื่องของแรงบันดาลใจและความหมาย แต่กลับสร้างความฮือฮาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะด้านดีไซน์และด้านการรีเซล ใครที่เป็นแฟนตัวยง ชอบอะไรแปลกใหม่ ต้องหลงรัก Reverse Swoosh อย่างแน่นอนเพราะมันแหวกแนวไม่ซ้ำใคร ควรหามาติดตู้แล้วไหม!