Hiking to Fashion Peak | Salomon, The Athletic Sneaker Brand Unveiling Aesthetic Fashion Sense for 2023

ลงจากเขาเข้าสู่โลกไลฟ์สไตล์! ทำไม Salomon รองเท้าปีนเขาหน้าเก่าถึงพร้อมเขย่าโลกแฟชั่นใหม่อีกครั้งในปี 2023

19/02/2023

...

ท่ามกลางโลกสนีกเกอร์ที่วกวนเหมือนพายเรือในอ่าง พร้อมแบรนด์รองผ้าใบหน้าเก่าที่ออกรองเท้ามากี่รุ่น แค่มองก็คุ้นชินด้วยเอกลักษณ์ตามฉบับเดิมๆ แล้วจะมีแบรนด์หน้าใหม่ใดกันหรือที่จะเข้ามาพิชิตโลกแฟชั่นและสตรีทแวร์นี้ได้ ก็ยังมีอีกหนึ่งม้ามืดที่เตรียมจะกลายเป็นตัวเต็งประจำปี 2023 ครั้งหนึ่งเคยเป็นแบรนด์สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง และนั่นก็คือ Salomon แน่นอนความโด่งดังนั้นมิได้เกิดขึ้นเพียงโชคช่วย หากแต่เป็นดีไซน์และเทคโนโลยีรุ่นใหม่ที่นำมาใช้ จนทำให้รองเท้าซาโลมอนกลายเป็นตัวท็อปในวงการรองเท้าผ้าใบ วันนี้ เราขอพาทุกคนไปท่องโลกพร้อมเปิดประวัติศาสตร์ของ Salomon ที่พร้อมจะลงมาจากยอดเขาและเข้าสู่รันเวย์โลกแฟชั่นได้แล้ว ณ บัดนี้

ประวัติย่อของ “Salomon ไข่มุกแห่งเทือกเขาแอลป์”

ย้อนกลับไปในปี 1947 François และลูกชายอย่าง George Solomon ก็ได้ให้กำเนิดแบรนด์ Salomon โดยเริ่มจากธุรกิจโรงผลิตใบเลื่อยและสกีเล็กๆ ในเมือง Annecy แห่งแคว้นทางตอนใต้อย่าง Rhône-Alpes ณ ประเทศฝรั่งเศส ด้วยภูมิประเทศที่เป็นลักษณะที่ราบสูงสลับกับเทือกเขา จึงธุรกิจ Salomon เป็นไปได้อย่างราบรื่น ในเวลาต่อมาเมื่อทุกอย่างเป็นไปได้อย่างดีเยี่ยม Salomon ก็เริ่มตระหนักถึงความปลอดภัยของเหล่านักเล่นสกีทั้งหลาย จึงได้คิดค้นไอเท็มอุปกรณ์เซฟตี้อย่าง Toe Piece ที่ช่วยหุ้มนิ้วเท้าไม่ให้ได้รับอันตรายขณะเล่นสกี จึงอาจนับว่าเป็นนวัตกรรมชิ้นแรกจาก Salomon เลยก็ย่อมได้ และในปี 1979 รองเท้าบูทเล่นสกีคู่แรกของแบรนด์ Salomon ก็ได้กำเนิดขึ้นภายใต้ชื่อ the SX90 โดยมาพร้อมกับรูปทรงที่สามารถใส่ได้สะดวกสบายและตัวล็อคข้อเท้าจนทำให้ซาโลมอนเริ่มมีชื่อเสียงในฝรั่งเศสและโด่งดังมากขึ้นไปทั่วโลก พร้อมกับคอนเซ็ปต์ Votre ange gardien (ผู้พิทักษ์ประจำตัว)

แต่ใครจะไปรู้ว่าการผลิตรองเท้าครั้งนั้นจะกลายเป็นประตูสู่อนาคตของแบรนด์ เพราะนับแต่นั้น แบรนด์ Salomon ก็แทบจะเป็นหัวหอกในการคิดค้นวัตกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยให้คนรักกิจกรรม Outdoor ได้เพลิดเพลินกันมากขึ้น และเร่ิมเคลื่อนย้ายจากกิจกรรมบนภูเขาลงมาในป่าโปร่งอย่างรองเท้าบูทเดินป่าในปี 1992 ซึ่งกลายเป็นไอเท็มฮอตฮิตในสมัยนั้นจน The New York Times ต้องลงบทความที่ชื่อ “ไฮกิ้งยุคใหม่เบาสบายกว่าเดิม” ทว่าเส้นทางการเติบโตของรองเท้าจาก Salomon ไม่ได้หยุดชะงักแค่ในพื้นที่ราบสูงเท่านั้น แต่กลับแผ่ขยายเข้าสู่สายการผลิตสินค้าใหม่ไม่ว่าจะเป็นสเก็ตบอร์ดและรองเท้าผ้าใบสำหรับใส่เล่นสเก็ต แต่จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุด เห็นที่คงไม่พ้นรองเท้าวิ่งเทรลรุ่นแรกในปี 2002 อย่าง XA PRO

จากคู่แรกที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรม รุ่นที่สอง สาม สี่ ก็เริ่มคลอดออกมาให้เหล่านักวิ่งเทรลได้จับจองกันทั่ว และเมื่อโลกเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีเข้ามาครอบครองโลก ซาโลมอนก็ไม่รอช้าพัฒนาโรงงานของตนให้ด้วยการยกระดับให้เป็น The Advanced Shoe Factory 4.0 ที่นำเทคโนโลยีมาช่วยในการผลิตและพัฒนาศักยภาพของรองเท้าให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เราแทบจะไม่เคยตระหนักมาก่อนเลยว่า สักวันหนึ่งรองเท้าเน้น Performance เช่นนี้จะมีบทบาทในวงการแฟชั่น

ผู้มาเยือนจาก “เมืองหิมะ” ที่พร้อมเข้ามา “ปะทะ” ในสงครามแฟชั่น

แฟชั่นแบ่งออกได้หลากหลายตามแต่ละประเภทของสินค้า เช่น สินค้าสตรีทแวร์ สินค้า Luxury ฯลฯ เรามักจะเรียนรู้หลักการนี้มาโดยตลอด แต่แล้วในปัจจุบันนี้ เมื่อแฟชั่นไร้ขอบเขตจึงทำให้แฟชั่นทุกสายได้มาบรรจบรวมกัน เช่นเดียวกันกับแบรนด์ Salomon ที่หลายคนแทบไม่เคยนึกฝันว่าวันหนึ่งจะเข้ามาตีตลาดรองเท้าไลฟ์สไตล์ได้ แต่วันนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว! แน่นอนว่าถ้าเป็น Salomon เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ก็คงตอบได้ยากเพราะว่าดีไซน์ล้ำมากๆ แต่ปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนไปตลอดกาลนับตั้งแต่วันที่มีลูกค้าคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านพร้อมถามหารองเท้าผ้าใบรุ่น Salomon Snowcross boots ร้าน The Broken Arm ในกรุงปารีส รวมถึงรุ่น Speedcross ที่ได้รับความนิยมอย่างมากและสายแฟชั่นก็เริ่มหันมาสนใจในแบรนด์ตะลุยป่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด Salomon และ The Broken Arm ก็ได้ Collaboration กัน นี่จึงอาจนับว่าเป็นก้าวแรกที่เปลี่ยนชะตาของแบรนด์ Solomon ไปตลอดกาล ซึ่งไม่ได้จำกัดเพียงอยู่ในป่าเท่านั้น แต่ได้ขยับขยายเข้ามาสู่วงการแฟชั่นและรองเท้าผ้าใบในท้ายที่สุด

เพื่อตอบรับกับความต้องการด้านแฟชั่นที่มากขึ้น ในปี 2016 Salomon ก็ได้ Jean-Philippe Lalonde เข้าช่วยดูแลและช่วยสร้างสรรค์รองเท้าซาโลมอนให้มีความเป็นสายสตรีทมากยิ่งขึ้น จึงทำให้กระแสความนิยมเพิ่มพูดมากขึ้นไปอีก และแล้วประตูอีกบ้านหนึ่งของโลกแฟชั่นก็ได้เปิดต้อนรับกับ Salomon ให้รู้จักคำว่า Collaboration หรือการร่วมมือกันระหว่างแบรนด์ ซึ่งแบรนด์ที่เข้ามาคอลแลปกับ Salomon ในครั้งนั้นก็คือ Comme des Garcons ที่หยิบรองเท้าผ้าใบ Low-profile RX Slide 3.0 Salomon Comme des Garcons เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในรันเวย์ และอีกหนึ่งแบรนด์ที่สร้างผลกระทบให้กับ Salomon เพิ่มพูนความฮอตฮิตกว่าเดิม นั่นก็คือ การได้ Collaboration กับ Maison Margiela ในคอลเลคชัน Autumn Winter 2022 ซึ่งมาในรุ่น MM6

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า Salomon จะเปิดโอกาสให้โลกแฟชั่นอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ใช่ว่าจะไม่มีขีดจำกัดของการ Colloboration หรือจะได้ร่วมมือกับทุกแบรนด์ ตามคำกล่าวของ Alex van Oostrum ที่ว่าโลกแฟชั่นทั้งสองใบควรจะไม่มาชน การไป Colloboration จะได้กลุ่มลูกค้าที่เด็กและสายสตรีท แต่ในขณะที่ฐานลูกค้าเดิมนั้นเป็นวัยผู้ใหญ่และรักกิจกรรมกลางแจ้ง ด้วยเหตุนี้ กฏเหล็กเวลาทำ Collaboration กับ Salomon ก็คือจะต้องไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเอกลักษณ์ของแบรนด์ รวมถึงต้องอนุญาตให้ซาโลมอนได้ทำตามแนวดีไซน์ของตนเองด้วย

จุดแข็งที่แบรนด์อื่น “แซง” ได้ยาก

นอกจากเรื่องดีไซน์ที่ไม่เป็นสองรองแบรนด์อื่นแล้ว อีกหนึ่งจุดแข็งที่เรียกได้ว่าสร้างความโหดหินให้กับแบรนด์อื่นในการตีตลาดกับ Salomon นั่นก็คือ เรื่องของเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต เพราะไม่ได้หยุดแค่ประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม หากแต่ยังมีหลากหลายอีกด้วย ซึ่งถ้ายกมาอธิบายทั้งหมด คงเล่าไม่จบแน่ๆ ดังนั้น จึงขอยกตัวอย่างสัก 3 อย่างให้หลายคนได้รู้ซึ้งถึงความโดดเด่นนี้ ดังนี้

ลำดับแรกเราจะมาทำความรู้จักกับเทคโนโลยีสำคัญด้านการบุด้านในหรือที่รู้จักกันในชื่อ Cushion System อย่าง [opti.vibe] ที่เป็นเทคโนโลยีบุรองเท้าของ Salomon ที่วิจัยมาอย่างยาวนานถึง 6 ปี ซึ่งจะช่วยลดแรงกระแทกพร้อมส่งคืนพลังงานให้กับร่างกาย ลดอัตราการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ข้อเท้า ลำดับที่สองคือบริเวณ Upper นั้นแม้หลายคนอาจจะคิดว่าคงไม่มีเทคโนโลยีอะไรมากนัก แต่สำหรับ Salomon แล้วกลับตรงกันข้าม เพราะ Upper จะใช้เทคโนโลยีสิ่งทออย่าง GORE-TEX ซึ่งจะช่วยในเรื่องกันน้ำ กันลม ตลอดจนช่วยระบายอากาศให้ดียิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับกิจกรรม Outdoor ที่แต่ละประเภทก็มีอากาศแตกต่างกันออกไป หรือลำดับที่สาม แม้แต่ในพื้นรองเท้าก็มีเทคโนโลยีที่หลากหลาย นั่นก็คือ Contagrip® ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพื้นรองเท้าของ Salomon ที่มีหลากหลายแบบ แบ่งตามการใช้งานที่หลากประเภท ไม่ว่าจะเป็น พื้น CONTAGRIP® ROAD ที่ยึดเกาะพื้นถนนและพื้นดินได้ดีซึ่งเหมาะแก่การวิ่งเทรล หรือพื้น CONTAGRIP® MUD ที่จะช่วยยึดเกาะพื้นผิวที่ลื่นได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นตัวเลือกที่เหมาะแก่การวิ่งเทรลในพื้นที่ค่อนข้างเปียกแฉะ หรือในพื้นรองเท้าที่ใช้สำหรับวิ่งก็มีการนำเทคโนโลยี Energy Blade เข้ามาใช้ ซึ่งจะเป็นแผ่นเพลทน้ำหนักเบาอยู่บริเวณกลางพื้นรองเท้า โดยมีหน้าที่คือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่งและเพิ่มความเร็วในการก้าวเดินและดีดตัวจากพื้น จากที่เล่ามานี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งแต่ยังไม่ใช่เทคโนโลยีทั้งหมดของ Salomon ดังนั้น แบรนด์ไหนที่จะเข้ามาตีตลาดขนาบคู่ บอกเลยว่ายากสุดๆ

...
ไอเท็ม “ติดตู้” ของสายแฟ ไอเท็ม “ติดใจ” ของตัวพ่อ-ตัวแม่ประจำยุค

แน่นอนว่าเมื่อ Salomon ได้เข้าสู่โลกแฟชั่นเต็มตัว สิ่งที่ตามมาก็คือความฮิตติดกระแสผ่านการหยิบจับมาใส่จากเหล่าดาราและอินฟลูเอ็นเซอร์ทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับ Trendsetter ตัวพ่อตัวแม่ในวงการแฟชั่นที่แทบจะไม่เคยพลาดจากเทรนด์เหล่านี้ คนแรกก็คือนางแบบสาว Bella Hadid ที่ไม่ว่าผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย เธอหยิบจับอะไรก็กลายเป็นเทรนด์ในเวลาต่อมา เช่นเดียวกันกับครั้งนี้ที่เธอเลือกใส่ Salomon ออกมาผจญโลกสตรีทแฟชั่น จนเป็นผลให้ผู้คนฮือฮาเกี่ยวกับรองเท้าคู่นี้เป็นอย่างมาก หรือคนที่สองอย่าง Kendall Jenner ตัวแม่อีกหนึ่งคนจากวงการแฟชั่นที่ครั้งนี้ไม่ขอตาม แต่ขอเป็นผู้กำหนดเทรนด์เองพร้อมกับรองเท้าผ้าใบ Salomon Xt-4 trail-ready sneaker ใส่คู่กับลุคชิคๆ ประจำวัน คนสุดท้ายนี่บอกเลยว่าขาดไม่ได้จริงๆ เพราะล่าสุด เธอทำให้เวทีซุปเปอร์โบลว์ดุเดือดเลือดพลาด แม้จะท้องอยู่ แต่ก็ไม่หวั่นด้วยความเก๋ยืนหนึ่ง นั่นก็คือเธอ นักร้องหน้าเก่าแต่กลับมาร้องใหม่ ขวัญใจสาวก Fenty อย่างตัวแม่ Rihanna ที่ได้มาในลุคสีแดงเลือดนกสุดร้อนแรง โดดเด่นไปพร้อมกับรองเท้า MM6 Maison Margiela x Salomon Srawstring sneakers บอกเลยว่าเด็ดไม่ไหว! ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าในปี 2023 นี้ รองเท้าผ้าใบ Salomon กำลังจะพิชิตโลกแฟชั่นแล้ว!

สรุป

ในที่สุด โลกสนีกเกอร์ก็จะได้เผชิญหน้ากับแบรนด์รองเท้าผ้าใบหน้าใหม่แต่ใจเก๋าอย่าง Salomon (ซาโลมอน) ที่ตอนนี้ขอทลายกรอบจากรองเท้าวิ่ง บุกเข้าตลาดโลกแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ไปเสียแล้ว แน่นอนว่าการกลับมาครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการตีตลาดกลุ่มใหม่ๆ หากแต่ยังทำให้หลายแบรนด์รองเท้าอื่นๆ ถึงขั้นหืดขึ้นคอเลยก็ย่อมได้ เพราะต้องงัดกลเม็ดใหม่ๆ ครองใจเหล่าสนีกเกอร์เฮดให้ได้เหมือนเดิม เนื่องจากหากทุกอย่างมิเป็นเช่นนั้น โลกสนีกเกอร์ก็จะถูก Salomon ยึดครองไปอย่างแน่นอน สำหรับชาวสนีกเกอร์เฮดที่ยังลังเลว่าควรจะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคของ Salomon ดีไหม เราขอยืนยันเลยว่า โอกาสทองมาถึงแล้ว!