Must know! Fashion Trend Summary : First Half of 2023 Edition

รวบรัดแต่จัดหนัก! บทสรุปเทรนด์แฟชั่นประจำครึ่งแรกของปี 2023

17/06/2023

...

“ฟ้าหลังฝนย่อมงดงามเสมอ” เป็นประโยคที่สามารถบรรยายวงการแฟชั่นปัจจุบันได้อย่างดีเยี่ยม หลังจากโลกได้ผ่านวิกฤตเรื่องโลกระบาด สถานกาณ์โควิดได้ผ่อนปรนมากขึ้น สองฤดูกาลประจำปี 2023 ที่ผ่านมานี้จึงเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่วงการแฟชั่นจะได้กลับมา “ผลิบาน” อีกครั้ง แม้ในปีที่ผ่านมาเรื่องราวจะซบเซาลงไปบ้าง แต่เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้อาจบอกสั้นๆ ได้ว่า “การกลับมาครั้งนี้ร้อนแรงกว่าเดิม” วันนี้ เราขอสรุปกระแสความนิยมของแฟชั่นในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 มาให้ทุกคนได้ดูกัน

...
The ‘QUIET’ Year! 

เมื่อ “ความอวดรวย” ดันเป็นการไม่แยใสต่อโลกที่ถูกถาโถมด้วยวิกฤตเศรษฐกิจ การใส่โลโก้เด่นหรา ประทับตราชื่อแบรนด์บนเครื่องแต่งกาย จึงกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนเริ่มเอือมระอา และสิ่งที่เข้ามาแทนนั่นก็คือ การแอบรวย ดูหล่อสวยแบบเงียบๆ… ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นช่วงขาลงหรืออาจเรียกได้ว่าเป็นช่วงอวสานของแฟชั่น Logomania ดังนั้นคำว่า “เงียบ” จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกนักสำหรับปี 2023 นี้นัก เพราะสิ่งที่เข้ามาแทนที่ดันเป็นยุคทองของเทรนด์แฟชั่นที่เน้นความเรียบ ความเงียบ ความเฉียบอย่าง Quiet Luxury หรือที่รู้จักกันแบบในศัพท์แสงแฟชั่นว่า Stealth Wealth ซึ่งจะพ่วงมาด้วยกับความคลีนของซิลูเอทเสื้อผ้า เน้นงานคัตติ้งที่เฉียบคมไร้โลโก้ สีสันไม่หวือหวากล้าแกร่งเกินไป

แม้ Quiet Luxury จะไม่ใช่เทรนด์ใหม่ แต่การกลับมาได้รับความนิยมนั้น เป็นเรื่องที่หลายคนไม่คิดไม่ฝันมาก่อน แน่นอนว่าปัจจัยแรกที่มีอิทธิพลต่อผู้คนได้ ก็ย่อมหลีกหนีไม่พ้น “สื่อ” ซึ่งครั้งนี้อาจคาดการณ์ได้ว่าเป็นผลมาจากกระแสของซีรีส์ Succession กอปรกับกระแสความนิยมของ Logomania ในภูมิภาคเอเชียได้เสื่อมถอยลง จึงทำให้เทรนด์นี้ได้ฉายแสงขึ้นมา และสิ่งที่พ่วงมาแบบควบคู่กับ Quiet Luxury นั่นก็คือเทรนด์แฟชั่นแบบ Old Money ที่เริ่มบูมขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในไทย (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับแฟชั่น Old Money

Samba’s Everblooming!

”ถ้าโควิดฟักตัว 14 วัน เทรนด์รองเท้าเองก็ใช้เวลาฟักตัวไม่น้อยไปกว่า 3 เดือน” เนื่องด้วยวัฎจักรแห่งวงการสนีกเกอร์นั้นผันเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ซึ่งต่างจากเทรนด์แฟชั่นที่มาไวไปไว… นับตั้งแต่ Air Max จนถึงปัจจุบันนี้ กว่าเทรนด์จะเปลี่ยนผ่านไปแต่ละช่วงล้วนแต่กินระยะเวลายาวนานเกินคาด อาจจะเป็นปีหรือสองปีก็ย่อมได้ แต่สิ่งที่จำเป็นต้องกล่าวถึงเลย นั่นก็คือ ผลพวงจากการรีสต็อคถี่ๆ ของ Nike Dunk Low White Black (หรือที่เรียกกันติดปากว่าแพนด้า) ซึ่งลากยาวมาตั้งแต่ช่วงปี 2022 ตราบจนถึงปัจจุบัน แม้จะเป็นการส่งเสริมการขาย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นดาบสองคมที่ทำให้เจ้ารองเท้าคู่นี้เปลี่ยนสถานะจาก “ของมันต้องมี” สู่ “ของเขามีกันหมดแล้ว” ด้วยเหตุนี้ กระแสความฮิตของแพนด้าจึงไม่ได้ต่างอะไรจากดาวที่กำลังจะดับมอดลง โดยสิ่งใหม่ที่ผู้คนเริ่มอยากจะคว้ามาครอบครองแทน ดันเป็นรุ่นจากฝั่งแบรนด์สามแถบชื่อดัง นั่นก็คือ “adidas samba”

ย้อนกลับไปในช่วงปลายปี 2022 ที่กระแสของแพนด้ายังได้รับความนิยมมากกว่าปัจจุบัน เราแทบมองไม่ออกเลยว่าอะไรจะมาแทน แต่ก็เกิดขึ้นได้เมื่อซุปเปอร์โมเดลสาว Bella Hadid ได้ปรากฏกายบนท้องถนนกรุงนิวยอร์ก พร้อมกับรองเท้าหน้าตาแปลกใหม่ไม่คุ้นตาอย่าง adidas samba นั่นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้รองเท้า adidas samba ได้ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในวงการสนีกเกอร์ เริ่มกลายเป็นที่ค้นหาและเสิร์ชใน Google อย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปี และก็เริ่มแพร่ขยายเป็นวงกว้างจากโลกตะวันตกสู่โลกตะวันออกผ่านดาราเกาหลีและอินฟลูเอนเซอร์ในช่วงปลายไตรมาสที่หนึ่งของปี 2023 จากนั้นก็เริ่มถูกหยิบจับโดยเซเลบริตี้ชาวไทย และท้ายที่สุดความนิยมก็พุ่งสูงขึ้นในช่วงไตรมาสที่สองนี้

อย่างไรก็ดี การได้แสงหรือแอร์ไทม์จากผู้คนนั้นเป็นเรื่องดี แต่สิ่งที่สลักสำคัญไม่แพ้การฮิต และเป็นสิ่งที่ต้องเข้าใจให้มาก นั่นก็คือ ทุกอย่างไม่มีอะไรจีรังตลอดไป ดังนั้น “ระยะเวลาการได้รับความนิยม” จึงอีกหนึ่งสิ่งที่ adidas samba จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าตัวเองจะยืนในตำแหน่งนี้ได้ยาวนานแค่ไหน เพราะในวงการสนีกเกอร์นี้เป็นเรื่องที่ดีที่ได้รับความนิยม แต่จะยาวนานถึงขนาดคู่วงการสนีกเกอร์เฮดเป็นปีหรือกลายเป็นของอมตะเลยหรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่น่าติดตามกันต่อไป…

Toast to Tote and Tininess!

”ถุงผ้า ย่าม และกระเป๋า Tote Bag” ไอเท็มที่ครั้งหนึ่งเคยตอกย้ำความเชยระเบิด แต่ก็ไม่มีใครคิดมาก่อนว่าสักวันหนึ่ง ไอเท็มเหล่านี้จะกลายเป็นดาวเด่นของวงการ! … ถึงแม้ว่าวงการแฟชั่นจะปากว่าตาขยิบมากเพียงใดเรื่องรักษ์โลก แต่แฟชั่นนิสต้าหลายคนก็ยังตระหนักถึงผลกระทบที่วงการแฟชั่นได้ทิ้งรอยแผลไว้ให้แก่โลก ไม่ว่าจะเป็นการสูบน้ำเพื่อผลิตเส้นใย การใช้เครื่องบินเจ็ทในช่วงแฟชั่นวีค ดังนั้น ช่วงห้าปีหลังนี้ เทรนด์ Sustainability จึงกลายเป็นเทรนด์ยอดนิยมมาโดยตลอด และ ปี 2023 นี้ เป็นอีกหนึ่งปีหนึ่งที่ถุงผ้าหรือกระเป๋าประเภท Tote Bag ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเป๋าผ้า Saint Laurent, Tote Bag จาก Diesel หรือแม้แต่ถุงผ้าสีขาวพิมพ์ลายจาก Celine

ปัจจัยที่มีผลให้แฟชั่น Tote Bag ได้ลืมตาอ้าปากครั้งนี้ อาจเป็นเพราะวิถีชีวิตของผู้คนได้เปลี่ยนไป เมื่อออกไปทำธุระข้างนอก เช่น การทำงาน การออกไปคาเฟ่ หรือแม้แต่การออกไปช้อปปิ้งที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต เราก็ต้องการกระเป๋าสักใบที่สามารถยัดของจิปาถะยัดลงไปได้ทั้งหมด ไอเท็มที่ตอบโจทย์ก็ไม่พ้น กระเป๋า Tote Bag หรือถุงผ้าที่สามารถตอบสนองความต้องการนี้ได้ดีเดินใคร ผนวกกับเทรนด์ Minimal ที่ฝังอยู่ในสไตล์ของคนไทยราวกับเส้นเลือดแดงใหญ่ จึงไม่วายที่กระแสความนิยมนี้ทบเท่าทวีคูณขึ้นไปอีก…

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวด้านบนกลับดำเนินไปในทิศทางตรงกันข้าม หากพูดถึงรันเวย์ เพราะแบรนด์ชั้นนำมากมายเลือกที่จะผลิตกระเป๋าขนาดเล็กไปจนถึงจิ๋วแทน ซึ่งเป็นการตอกย้ำภาพที่ “กระเป๋า=เครื่องประดับ” ให้ชัดแจ้งมากยิ่งขึ้น และเมื่อเรื่องราวได้เป็นไปในลักษณะนี้ บรรดาแฟชั่นนิสต้าหรือคนที่รักการแต่งตัวจึงไม่ได้เลือกกระเป๋าเฉพาะใส่ของจุเท่านั้น แต่กลับเลือกเพราะเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งแทน ด้วยเหตุนี้ ในปี 2023 เราจึงเห็นกระเป๋าใบจิ๋วได้รับความนิยมควบคู่กับ Tote Bag เช่นเดียวกัน ซึ่งอาจสรุปเล่นๆ ด้วยประโยคที่ว่า “อันนึงมีไว้โชว์ อีกอันมีไว้ใช้” นั้นเป็นเรื่องจริง

Color Alert : From Pine to Sky!

ถ้าไม่นับสีเบสิคอย่างขาว-ดำ-น้ำตาลแล้ว เรื่องของเทรนด์สีก็ยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจไม้แพ้กัน เพราะถ้าหากสีใดได้รับความนิยม เสื้อของฤดูกาลนั้นก็จะถูกย้อมด้วยสีนั้นๆ ทันที และในปี 2023 นี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ก็ยังอยู่คงวงการแฟชั่นไปอีกหนึ่งฤดูกาล โดยเฉพาะโทนสีเขียวมะกอก หรือ Olive ที่กลายเป็นเทรนด์สีที่น่าจับตามอง และปรากฏอยู่ในไอเท็มแฟชั่นมากมาย เช่น รองเท้าผ้าใบ Air Jordan Travis Scott หรือแม้แต่เสื้อเชิ้ตและ Overcoat จาก Prada Ready to Wear 2023 แน่นอนว่าถ้าพูดถึงเรื่องของแฟชั่นแท้ๆ โดยไม่อ้างอิงตามหลักฮวงจุ้ยสีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ สีเขียวแต่อย่างใด สีเขียวนั้นเป็นอีกหนึ่งสีที่รับมือได้ง่าย แมทช์กับสีอื่นได้หลากหลาย และมี “ความอมตะ” กล่าวคือ ถ้าอยากดูร้อนแรง สายแฟชั่น ก็หยิบ Vivid Green มาใช้ แต่หากอยากคุมโทนขรึมแต่ก็ไม่อยากให้เรียบเกินไปก็สามารถหยิบสีเขียวมะกอกหรือเขียวขี้ม้ามาใช้ได้อย่างลงตัว ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นว่าไอเท็มแฟชั่นชิ้นไหนที่สีเขียวมะกอกไปผสมโรงด้วย ก็จะเข้ากันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และความลื่นไหลที่ไปได้กับทุกเฉดสีนี้เองจึงทำให้ “สีเขียว” กลายเป็นส่วนผสมที่ทำให้ลุคแฟชั่นออกมาดูโดดเด่นอย่างที่หลายคนไม่คาดฝัน

เช่นเดียวกันกับ “สีฟ้า” ที่กลับมาทวงคืนบัลลังก์แฟชั่นให้มีความสดใสอีกครั้ง เฉพาะสีฟ้า Cobalt ที่ร้อนแรงถึงขนาดกล่าวกันไว้ว่าเป็นสีที่ครองรันเวย์มากที่สุดในซีซั่นที่ผ่านมา และในทางฝั่งเอเชียที่ Everyday Look นั้นจะมีความผ่อนคลายและบางเบามากกว่า สีฟ้าที่ได้รับความนิยมจะอยู่ในโทนของพาสเทลหรือสีฟ้าที่ไปในเฉดของความสดใสอย่าง Light Blue Sky หรือ Baby Blue ซึ่งอีกหนึ่งอิทธิพลที่ทำให้สีฟ้าได้รับความนิยมก็คงไม่พ้นฤดูกาลที่ใกล้จะเข้าช่วง Summer ของต่างประเทศที่ต้องการจะเน้นสีสันสดใส รวมไปถึงเทรนด์กระแสรอง (ที่กำลังจะกลายเป็นกระแสหลักในเร็ววัน) อย่าง Double Denim ที่นำเสนอผ้ายีนส์หลากหลายเฉดมาให้วงการแฟชั่นได้เห็นกัน ซึ่งทำให้สีฟ้านี้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องไม่จำกัดแค่เพียงหนึ่งหรือสองเฉด หากแต่หมายถึงทุกโทนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “สีฟ้า”

Glittering Glamour

“กิมมิคไม่ต้องใหญ่คือหัวใจของแฟชั่นยุค 2023” ในยุคที่การประโคมเครื่องประดับกลายเป็นเรื่องแปลกตา ด้วยเหตุนี้ เทรนด์เครื่องประดับที่ได้รับความนิยมจึงไปโผล่กับไอเท็มประเภทเรียบๆ เล็กๆ แต่ยังคงความหรู อาทิ ต่างหู จาก Vivienne Westwood ที่ไม่ห้อยระยะเกินไป แต่ยังแฝงกิมมิควิบวับได้อย่างน่าเหลือเชื่อ, กิ๊ปติดผม Celine ที่กลายเป็นไอเท็มประจำตัวของสาวๆ ให้ลุค Snazzy Girl ตลอดจนสร้อยคอประเภท Pendant Necklace ที่มีกิมมิคอยู่ที่จี้ห้อยคอ หรือสำหรับเครื่องประดับของหนุ่มๆ สายแฟชั่น ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่นาฬิกา เพราะ Bracelet เองก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย

สำหรับปี 2023 นี้ จึงป็นอีกหนึ่งยุคสมัยที่แบรนด์แฟชั่นต่างแข่งกันทำแคมเปญและให้ความสนใจด้านการผลิตเครื่องประดับ เช่น Prada ที่ผลิตเครื่องประดับจากทองคำรีไซเคิล, Saint Laurent ที่เปิดตัวไลน์เครื่องประดับเงินใหม่ หรือ แม้แต่ LVMH บริษัทแม่ของ Tiffany & Co. ที่เพิ่มกำลังอัดฉีดให้ตีตลาดได้มากขึ้นเพื่อสู้รบกับแบรนด์คู่แข่ง ตลอดจน Louis Vuitton คอลเลคชัน Silver Lockit ที่ร่วมมือกับ Unicef และตามรายงานด้านการตลาดของ MarketWatch News Department ได้วิเคราะห์ไว้ว่าตลาดเครื่องประดับนั้นเริ่มเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2018 และจะเติบโตพุ่งสูงไปจนถึงปี 2028 นี่จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ช่วงเวลานี้คือ “เค้าลางคุกกรุ่นก่อนสงครามเครื่องประดับระหว่างแบรนด์” จะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ก็ไม่มีใครอาจทราบได้